
นี่เรากำลังโดน gaslighting ในที่ทำงานหรือเปล่านะ?
เคยได้ยินคำว่า "พี่เตือนเพราะความหวังดี" หลายคนอาจจะสงสัยว่าพี่เขาหวังดีจริงไหมนะ เพราะไม่มีใครอยากเจอเจ้านาย Toxic แต่บางครั้งด้วยโชคตะตาก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีงานวิจัยพบว่าเจ้านายเกือบ 30% มีความ Toxic ในระดับเล็กน้อยถึงรุนแรง โดยเฉพาะเจ้านายที่ชอบ Gaslighting
Gaslighting คืออะไร?
แปลตรงตัว คือ “การรมควัน” หรือสแลงไทยอาจจะใกล้คำว่า "วางยา" เป็นรูปแบบการทำร้ายจิตใจที่น่ากลัวแบบหนึ่ง เพราะมันแฝงตัวมาในพฤติกรรมที่กัดกร่อนจิตใจและบิดเบือนความทรงจำของเหยื่อ ทำให้เหยื่อสงสัยในการกระทำและความคิดของตัวเอง
ตัวอย่างพฤติกรรม Gaslighting
- บิดเบือนความจริงอย่างต่อเนื่อง เช่น เจ้านายอาจเคยต่อว่าคุณอย่างแรง แต่พอคุณทักท้วง เขากลับบอกว่า "พี่ไม่เคยพูดแบบนั้น เธอคงจำผิด" (ทั้งที่เจ้าตัวเคยพูดจริง) "พี่ว่าเธอเข้าใจผิด ที่พี่พูดเพราะหวังดีกับเธอนะ"
- ทำให้เหยื่อสงสัยในความทรงจำและสิ่งที่รับรู้ เช่น เปลี่ยนเป้าหมายหรือความคาดหวังจากคุณบ่อยๆ โดยไม่มีเหตุผล หรือไม่ยอมรับในสิ่งที่เคยตกลงกันไว้
- ทำลายความมั่นใจอย่างแนบเนียน เช่น วิจารณ์การทำงานแบบกำกวม ไม่มีเหตุผลชัดเจน หรือกีดกันไม่ให้คุณเข้าถึงข้อมูลสำคัญ
สังเกตอย่างไรว่าเรากำลังถูก Gaslighting?
- คุณเริ่มสงสัยในความทรงจำและการตัดสินใจของตัวเอง
- คุณรู้สึกว่าต้องขออนุญาตหรือขอความเห็นจากเจ้านายในทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องเล็กน้อย
- คุณมักพูดประโยคแบบ "ฉันคงคิดไปเองมั้ง" หรือ "บางทีฉันอาจจะเข้าใจผิด"
- คุณรู้สึกว่าตัวเองพยายามแค่ไหนก็ไม่เคยดีพอ
- คุณเริ่มสงสัยในความสามารถของตัวเอง ทั้งที่เมื่อก่อนทำงานได้ดี
ถ้ารู้สึกเกินสัก 3 ข้อ ก็เป็นไปได้สูงแล้วว่าเจ้านายอาจกำลัง Gaslighting เราอยู่ มาดูวิธีรับมือเมื่อต้องทำงานกับคนแบบนี้กัน
วิธีเอาตัวรอดจากเจ้านายที่ชอบ Gaslighting
- สื่อสารให้ชัดเจนและมีหลักฐานทุกครั้ง จดบันทึกการพูดคุย เวลามีประชุมควรหาพยานไว้ช่วยยืนยัน ใช้อีเมลสรุปบทสนทนาและข้อตกลงต่างๆ และ CC ทีมงานคนอื่นในอีเมลตามความเหมาะสม
- ปกป้องสุขภาพจิตตัวเอง สร้างระยะห่างทางอารมณ์จากพฤติกรรมที่เป็นพิษ มองว่าพฤติกรรมของเขาเป็นเรื่องแยกจากตัวคุณ ยืนยันคุณค่าในตัวเองด้วยการเตือนตัวเองว่าปัญหาอยู่ที่เจ้านาย ไม่ใช่คุณ ทำกิจกรรมที่สร้างความสุข เช่น ออกกำลังกาย ทำสมาธิ เขียนไดอารี่ ฯลฯ
- สร้างเครือข่ายซัพพอร์ต รายล้อมตัวเองด้วยเพื่อนและคนที่ซัพพอร์ตคุณ หากิจกรรมผ่อนคลายนอกที่ทำงาน ปรึกษานักบำบัดหรือผู้เชี่ยวชาญ หรือสร้างความสัมพันธ์กับผู้นำคนอื่นในองค์กร
- ลดการติดต่อโดยตรง หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ไม่จำเป็น ใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นแทน หาที่ปรึกษาและสร้างคอนเน็คชั่นกับคนที่เห็นคุณค่าในตัวคุณดีกว่า